การใช้แคลเซียมคาร์บอเนตในอุตสาหกรรมพลาสติก
แคลเซียมคาร์บอเนตถูกนำไปเป็นตัวเติม (Filler)
มากกว่าตัวเติมชนิดอื่นๆ พลาสติกที่ใช้แคลเซียมคาร์บอเนตชนิด PCC
เคลือบด้วย Resin เป็นตัวเติมจะรับแรงกระแทกได้ดีและมีสภาพผิวสม่ำเสมอ
นอกจากนี้ แคลเซียมคาร์บอเนตยังมีความขาวสูง
มีดัชนีการหักเหใกล้เคียงการกับสารพลาสติก
แคลเซียมคาร์บอเนตที่ใช้ในอุตสาหกรรมพลาสติกส่วนใหญ่เป็นชนิด GCC ที่ได้จากการบด
คุณสมบัติที่เหมาะสมของแคลเซียมคาร์บอเนตสำหรับปรับปรุงเนื้อพลาสติกให้ดีขึ้นมีดังนี้มีความบริสุทธิ์สูง
ไม่มีโลหะที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยา
ไม่เกาะตัวกันเป็นกลุ่มก้อนไม่ดูดกลืนสารเติมแต่งอื่นๆ
และมีพื้นผิวจำเพาะตัวมีความขาวสูง ไม่กัดกร่อนชิ้นงานของเครื่องจักร
กระจายตัวได้ดีลดการหดตัว ปรับปรุงสภาพผิวของชิ้นงาน เพิ่มการรับแรง ไม่มีพิษ
ไม่มีกลิ่น ทดความร้อนได้สูงถึง 600 องศาเซลเซียส
ด้วยคุณสมบัติของแคลเซียมคาร์บอเนตที่ดูดซึมน้ำมันได้น้อย
สามารถนำไปเคลือบผิวของพลาสติก ทำให้พลาสติกมีคุณสมบัติ
มีความเงาหรือความมันเพิ่มขึ้น มีคุณสมบัติต้านทานไฟฟ้าดีขึ้น ทนทานต่อแรงบีบอัด
ควบคุมการหดตัวของพลาสติก ทำให้ผลิตภัณฑ์จากพลาสติกทนทานต่อสภาพภูมิอากาศมากขึ้น สำหรับพลาสติกที่มีแคลเซียมคาร์บออเนตเป็นส่วนประกอบที่พบพบเห็นโดยทั่วไปได้แก่
จานปิดดุมล้อรถยนต์ แผ่นพลาสติกปิดหน้าปัดรถยนต์ แผ่นยางกันน้ำ กระเบื้องยาง
พลาสติกที่ใช้เคลือบลวดหรือสายไฟ จานไมโครเวฟ ภาชนะใส่อาหารชนิดเมลามีน
และแผ่นฟิล์มพลาสติกซึ่งใช้ในผ้าอ้อม ผ้าอนามัย และทางการแพทย์รวมทั้งในผลิตภัณฑ์ PVC
ชนิดต่างๆ เช่น หนังเทียม พลาสติกหุ้มสายไฟและสายโทรศัพท์ ท่อพีวีซี
พีอี พีบี ประตูพีวีซี เม็ดพลาสติก
พลาสติกวิศวกรรมสนรถยนต์ ชิ้นส่วนโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น