การใช้แคลเซียมคาร์บอเนตในอุตสาหกรรมกระดาษ
จากการเปลี่ยนกรรมวิธีการผลิตกระดาษจากแบบกรด
(PH ประมาณ 2) มาเป็นแบบอัลดาไลน์ (PH ประมาณ 7) ตั้งแต่มี ค.ศ. 1980 ทำ
ให้ปริมาณการใช้แร่แคลเซียมคาร์บอเนตในอุตสาหกรรมกระดาษทั่วโลกมีแนวโน้ม
สูงขึ้นในขณะที่แร่ตัวอื่นมีปริมาณการใช้น้อยลงเนื่องจากกรรมวิธีการผลิตกระ
ดาษแบบอัลดาไลน์
เป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มความแข็งแรงของอายุการใช้งานให้กับกระดาษเพราะ
ขบวนการผลิตแบบอัลดาไลน์ทำลายเนื้อเยื่อของไม้น้อยกว่าขยวนการผลิตกระดาษ
แบบกรด
การใช้แคลเซียมคาร์บอเนตเป็นตัวเติม
(filler) ในการผลิตกระดาษแคลเซียมคาร์บอเนตจะทำหน้าที่เป็นตัวเติมที่มีประโยชน์สูง
(functional filler) เนื่องจากมีคุณสมบัติที่ดี มากกว่าจะใช้เป็นตัวเติมเพื่อเพิ่มปริมาณ
(extender filler) แต่เพียงอย่างเดียว
ในเนื้อกระดาษจะประกอบไปด้วยโครงร่างตาข่ายของเนื้อเยื่อไม้
และรูขนาดเล็กจำนวนมากที่ส่งผลต่อคุณสมบัติที่สำคัญของกระดาษในด้านความทึบแสงที่เกิดจากการกระจายแสงระหว่างเนื้อเยื่อไม้และอากาศที่รูขนาดเล็ก
ซึ่งขนาดของรูมักขึ้นอยู่กับชนิดและขนาดของเนื้อเยื่อไม้ที่นำมาใช้ผลิตกระดาษ
โดยปกติในกระบวนการหรือกรรมวิธีผลิตภระดาษ มักจะได้เนื้อเยื่อกระดาษซึ่งมีขนาดของรูในเนื้อกระดาษที่ใหญ่เกินไป
ทำให้กระดาษไม่ทึบแสง จึงต้องมีการะติมแคลเซียมคารร์บอเนตลงไป
เพื่อให้เกิดความเหมาะสมในการนำกระดาษไปใช้งาน
ในอุตสาหกรรมกระดาษแคลเซียมคาร์บอเนตจะใช้เป็นเติมเต็ม
ที่มีประโยชน์ในด้านช่วยปรับปรุงคุณสมบัติอื่นๆด้วย ในขณะที่แร่ตัวเติมอื่นๆ
จะใช้เป็นตัวเติมเพื่อเพิ่มปริมาณแต่เพียงอย่างเดียวและการเติมอนุภาคแคลเซียมคาร์บอเนตลงในเนื้อเยื่อกระดาษจะเป็นการช่วยทำให้ปริมาณการใช้เนื้อเยื่อไม้ลดลง
ซึ่งส่งผลต่อต้นทุนการผลิตกระดาษที่ลดลงด้วย
แต่หากถ้าใช้ตัวเติมเต็มมากเกินไปจะทำให้ความแข็งแรงของกระดาษลดลง
อัตรการใช้แร่ตัวเติมที่เหมาะสมคือร้อยละ 18-20 โดยน้ำหนักของเนื้อเยื่อของกระดาษทั้งหมด
และขนาดอนุภาคของตัวเติมในเนื้อเยื่อกระดาษที่เหมาะสม ควรมีขนาดอยู่ระหว่าง 0.3-2.5
ไมครอน
ในทางทฤษฎีมีแร่สีขาวมากกว่า 20
ชนิด ที่สามารถใช้เป็นตัวเติมหรือตัวเคลือบในอุตสาหกรรมกระดาษได้ การเลือกใช้แร่ชนิดใดจะมีปัจจัยในการพิจารณาหลายประการ
ได้แก่ ราคาของแร่ที่ใช้เป็นตัวเติม ความสะดวกในการนำแร่มาใช้งาน ขนาด รูปร่าง และการกระจายตัวของอนุภาค
พื้นผิว ประจุที่พื้นผิว ความขาวและความสว่างของแร่ ดัชนีการหักเห ความถ่วงจำเพาะ การทำปฏิกริยาและการซึมซับต่อสารเคมีต่าง
ๆ ในทางปฏิบัติจะมีแร่เพียง 4 ชนิด
ที่ใช้เป็นตัวเติมและตัวเคลือบมากกว่า 90% ของแร่ที่ใช้จริงได้แก่
แร่กลุ่มดินขาว แร่แคลเซียมคาร์บอเนต แร่ทัลก์ และไททาเนียมไดออกไซด์
แคลเซียมคาร์บอเนตนอกจากจะใช้เป็นตัวเติมในกระดาษ แล้วยังสามารถนำมาใช้เป็นตัวเคลือบทำให้ผิวกระดาษเรียบร้อยได้อีกด้วย
ซึ่งจะทำให้กระดาษมีคุณสมบัติด้านการดูดซับน้ำหมึก การพิมพ์ Solid Printing Areas
การพิมพ์ Half-Tones และการพิมพ์สี่สีดีขึ้น
การใช้แคลเซียมคาร์บอเนตเป็นตัวเคลือบมักจะนำไปผสมกับอนุภาคอื่นๆ ได้แก่
แร่ไททาเนียมไดออกไซด์ แร่ดินขาว อนุภาคพลาสติก โดยใช้สารจำพวกโปรตีน
หรือแป้งที่ละลายได้หรือกาว
เป็นตัวผสมหรือตัวเชื่อมซึ่งจะทำให้ส่วนผสมของตัวเคลือบกระดาษเข้ากันได้ดี
แคลเซียมคาร์บอเนตใช้ในอุตสาหกรรมกระดาษและเนื้อเยื่อกระดา ประเภทต่างๆ เช่น
กระดาษพิมพ์เขียน
กระดาษอาร็ตมันและกระดาษที่ใช้ในสำนักงาน กระดาษถ่ายเอกสาร กระดาษโรเนียว
กระดาษสื่อสิ่งพิมพ์ทุกชนิด รวมทั้งกระดาษกล่องบรรจุภัณฑ์ชนิดต่างๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น